สุขภาพ, สุขภาพทั่วไป

รักษาธาลัสซีเมีย แบบไม่ต้องถ่ายเลือด

“โรคธาลัสซีเมีย” เป็นโรคเกี่ยวกับเม็ดเลือด โดยเกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการตัวซีด อ่อนแรง ร่างกายอ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย ปัจจุบันวิธีการรักษา คือ จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการถ่ายเลือด และให้ยาขับเหล็กไปตลอดชีวิต

นอกจากวิธีการถ่ายเลือดดังกล่าวแล้ว ยังมีกระบวนการรักษาอีกวิธีหนึ่ง คือ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยหรือรอให้มีผู้มาบริจาคที่มีสุขภาพดีและสามารถเข้ากับผู้ป่วยได้ แต่ทั้งนี้ยังพบว่ามีเพียงร้อยละ 25 ของทั้งหมด ที่จะหาผู้บริจาคที่เข้ากับผู้ป่วยได้ แต่เพราะการรักษาด้วยวิธีนี้ มักจะมีภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยอายุสั้นลง

รักษาธาลัสซีเมีย โดยไม่ต้องถ่ายเลือด
ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง แพทย์แห่งโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้วิจัยค้นพบวิธีการรักษาโรคธาลัสซีเมียโดยไม่ต้องถ่ายเลือดเป็นที่แรกของโลก เผยว่าที่ผ่านมาเคยมีการพยายามรักษาด้วยตัดยีนหรือยีนเทอราปีแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ล่าสุดโรงพยาบาลรามาธิบดีได้นำสเต็มเซลล์ของผู้ป่วยมาตัดต่อยีนจนได้ยีนใหม่ โดยทดลองกับผู้ป่วย 22 คน พบว่าหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมาถ่ายเลือดอีกเลย และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก

นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยที่เป็นธาลัสซีเมียบ่อยมากที่สุดของการเป็นโรคทางพันธุกรรม ทั้งนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาผู้ป่วยโดยการดูแลประคับประคองให้ถ่ายเลือดและรับประทานยาขับเหล็กตลอดชีวิต ปัจจุบันมีผู้ป่วยประมาณ 200,000 – 300,000 คน ในประเทศไทย ผู้ป่วยเหล่านี้มีอาการตั้งแต่ 2-3 ปีแรกที่เป็นโรคซึ่งจะต้องได้รับเลือดทุกเดือน การรักษาโรคธาลัสซีเมียมีเพียงทางเดียวคือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้บริจาคที่มีสุขภาพดีและสามารถเข้ากับผู้ป่วยได้ ซึ่งก็จะได้จากพี่น้องของผู้ป่วยเองหรือผู้บริจาคจากสภากาชาดไทย มีเพียงร้อยละ 25 เท่านั้นที่สามารถหาผู้บริจาคที่เหมาะสมได้

ทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ร่วมมือต่างประเทศคือ Professor Philippe Leboulch, นักวิจัยจาก University of Paris และทีมแพทย์จากสหรัฐอเมริกา Harvard Medical School ในการใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากพ่อแม่ของผู้ป่วยนำมาทดลองรักษา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่งานวิจัยใหม่ๆ ของวงการการรักษาโรคธาลัสซีเมีย ที่ไม่มีใครเคยศึกษามาก่อน และความยากมากๆ สำหรับการตัดต่อยีน ซึ่งทั้งนี้เราสามารถทำการทดลองจนประสบความสำเร็จในที่สุด โดยเราเป็น 1 ใน 8 แห่งทั่วโลกที่ทำการรักษาในรูปแบบนี้ โดยที่พวกเขาไม่ต้องเข้ารับการถ่ายเลือด ทั้งที่ต้องเคยถ่ายเลือดมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้สามารถไปเรียน หรือไปทำงานได้อย่างปกติ

ผลการวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ใน The New England Journal of Medicine ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ฉบับวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561 ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากกับการได้รับการตีพิมพ์ งานวิจัยนี้ใช้เวลา 5 – 6 ปีกว่าจะประสบความสำเร็จ หลังจากที่มีการวางแผนมานานเกือบ 10 ปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม  ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวที่คิดค้นขึ้นมานั้นยังคงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และทางโรงพยาบาลก็มีความคาดหวังว่าต้องการให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมีระบบการรักษารูปแบบนี้อย่างครบวงจร

ป้องกันตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ดีที่สุด
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่าเนื่องจากการที่จะป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียได้ แสดงว่าในครอบครัวหรือญาติโดยตรงเคยเป็นมาก่อน เพราะโรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม จึงทำให้ในแต่ละปีมีเด็กเกิดใหม่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวประมาณ 12,125 ราย  ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคธาลัสซีเมีย คือต้องลดจำนวนการเกิดโรคในเด็กเกิดใหม่ลง โดยอาจเน้นไปที่การตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติและตรวจคัดกรองก่อนมีบุตรในคู่สามี-ภรรยาที่ตั้งใจจะมีบุตร จึงขอให้คู่สามีภรรยาวางแผนในเรื่องนี้ก่อนมีลูก โดยพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำในการวางแผนครอบครัวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม